เทคนิควิเคราะห์คู่แข่ง ทำไมคู่แข่งถึงขายดี

การวิเคราะห์คู่แข่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างแผนการตลาดและการขายสินค้าหรือบริการ ซึ่งการเรียนรู้จากคู่แข่งจะสามารถช่วยทำให้สินค้าของคุณขายดีขึ้นได้ เรามาเริ่มวิเคราะห์คู่แข่งง่ายๆด้วย 5 ขั้นตอนนี้ค่ะ

  1. ทำการสำรวจคู่แข่ง: ในขั้นตอนแรกคุณควรทำการสำรวจคู่แข่งที่อยู่ในตลาดเดียวกันหรือมีสินค้าหรือบริการที่คล้ายคลึงกันกับคุณ ในกระบวนการนี้คุณจะสามารถระบุคู่แข่งหลักและรู้รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขา
  2. การวิเคราะห์การตลาด: หลังจากที่คุณรู้จักคู่แข่งแล้ว คุณต้องทำการวิเคราะห์ตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าในตลาดนั้นๆ
  3. จัดทำกลยุทธ์การตลาด: เรียนรู้ความสำเร็จของคู่แข่ง เพราะสิ่งนี้สามารถนำมาพัฒนาเป็นกลยุทธ์การตลาดของคุณได้ โดยสร้างความแตกต่างและคุณค่าเพิ่มให้กับสินค้าของคุณ คุณสามารถใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์คู่แข่งเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับราคา ,การตลาด และโปรโมชั่นที่เหมาะสม คุณสามารถเรียนรู้จากคู่แข่งเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการที่พวกเขามีและพัฒนาสินค้าของคุณให้มีคุณค่าและความแตกต่างจากคู่แข่ง อาจเป็นการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น หรือมีวิธีขายสินค้าในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร
  4. การตลาดและโปรโมชั่น: การเรียนรู้จากคู่แข่งสามารถช่วยคุณในการสร้างแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพและโปรโมชั่นที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า คุณสามารถใช้เทคนิคการตลาดที่คู่แข่งใช้เพื่อเพิ่มยอดขายของคุณ
  5. การติดตามและประเมินผล: หลังจากการดำเนินกิจกรรมตลาดของคุณ คุณควรติดตามและประเมินผลเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ของคุณและปรับปรุงกลยุทธ์ตลาดของคุณต่อไป

คุณสามารถใช้เว็บ Kalodata ในการสำรวจคู่แข่งได้ค่ะ ก่อนอื่นไปที่แท็บร้านค้า ตรงหมวดการขาย คุณสามารถเลือกหมวดหมู่การขายให้ตรงกับตลาดที่คุณต้องการจะขายสินค้า ยกตัวอย่างเช่นเลือกเป็นหมวดเสื้อผ้าสตรีและชุดชั้นใน

หลังจากนั้นทำการวิเคราะห์การตลาดโดยแนะนำให้เลือกดูตัวอย่างจากร้านที่มีรายได้สูงเป็น 10 อันดับแรก ขออนุญาตยกตัวอย่างมาหนึ่งตัวอย่างนะคะ สมมติเราอยากเรียนรู้จากร้านนี้ ก็ให้เราคลิกเข้าไปแล้วเลื่อนลงมาด้านล่าง จะเห็นคำว่ากลยุทธ์สินค้า ซึ่งคุณจะสามารถดูได้เลยว่าในร้านนี้สินค้าตัวไหนขายดีบ้าง บนเว็บ kalodata สามารถดูได้ทั้งรายได้ ยอดขาย และราคาต่อหน่วยของสินค้าเลย

ซึ่งตัวสินค้าแต่ละชิ้นที่อยู่ในรายการด้านล่างนี้ คุณก็ยังสามารถกดเข้าไปเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ด้วย อย่างเรากดเข้ามาดูสินค้าตัวนี้ เราจะเห็นได้เลยว่าเมื่อวานสินค้าตัวนี้มีราคาเท่าไหร่ แล้วช่วงที่เขาจัดโปรโมชั่นเนี่ยราคาสินค้าตัวนี้เคยถูกขายออกไปในราคาต่ำสุดเท่าไหร่ ซึ่งรายละเอียดพวกนี้เป็นตัวช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ทางด้านราคาให้คุณได้ แนะนำให้คุณเข้าไปดูให้ละเอียดทั้ง 10 ร้านแรกที่มีรายได้สูง ว่าสินค้าที่ขายดีของเขาคืออะไร ราคาเท่าไหร่ คุณก็จะพอจับทางได้ว่าตอนนี้สินค้าแบบไหนขายดี และควรจะตั้งราคาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม

หลังจากนั้นให้คุณทำการคิดกลยุทธ์การตลาด ซึ่งสามารถดูได้ตรงคำว่ากลยุทธ์การขาย ให้กลับมาที่หน้าเมื่อกี้นะคะ ที่เป็นคำว่ากลยุทธ์สินค้า หลังจากนั้นให้เราเลื่อนขึ้นมาด้านบนก็จะเจอกับคำว่ากลยุทธ์การขาย ซึ่งข้อมูลตรงนี้คุณจะเห็นได้เลยว่ารายได้ส่วนใหญ่ของร้านค้ามาจากทางไหน มาจากบัญชีตัวเองเป็นหลักหรือว่ามาจากพันธมิตร เช่น มีครีเอเตอร์มาช่วยขาย หรือว่ารายได้มาจากช็อป รายละเอียดพวกนี้จะดูได้เลย

นอกจากนี้ยังสามารถดูรายละเอียดว่ารายได้จากบัญชีตัวเองที่ว่าส่วนใหญ่เป็นรายได้มาจากไลฟ์หรือเป็นรายได้มาจากวิดิโอ ซึ่งด้านข้างก็จะมีไลฟ์และวิดิโอที่ขายดีอยู่ คุณก็สามารถกดเข้าไปดูเพื่อเรียนรู้เทคนิคการขายของเขาได้ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความถนัดที่แตกต่างกัน อย่างคนแรกเขาถนัดทั้งวิดิโอและไลฟ์ แต่พอเรากดดูคนที่สองเราจะเห็นว่าเขาเน้นทำวิดิโอซะส่วนใหญ่ ก็ให้เราลองดูว่าเราถนัดทำแบบไหนมากกว่า ถ้าถนัดทำแบบคลิปมากกว่าก็ให้เรียนรู้จากคลิปของคนที่สองเป็นหลัก

ต่อมาเลื่อนลงมาด้านล่างจะเห็นคำว่าพันธมิตร พันธมิตรก็คือครีเอเตอร์ที่สามารถช่วยเราขายสินค้าได้ ซึ่งในระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา ครีเอเตอร์ที่ขายเก่งในร้านนี้ ก็คือครีเอเตอร์เหล่านี้นี่แหละ ในกรณีที่เราขายสินค้าคล้ายๆกันกับร้านค้าที่ยกตัวอย่าง แล้วเราอยากร่วมงานกับครีเอเตอร์ อยากให้เขามาช่วยเราขายของ เราสามารถกดดูก่อนได้ว่าเขามีผู้ติดตามเท่าไหร่แล้วเขาทำรายได้ได้เท่าไหร่บ้าง ถ้าเจอคนไหนที่เรารู้สึกสนใจ ก็สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดครีเอเตอร์เพิ่มเติมได้เลย

พอเข้าไปดูเราจะเห็นได้ว่าเขาเป็นครีเอเตอร์อิสระ สามารถติดต่อร่วมงานได้ ข้างๆก็จะมีช่องทางติดต่อของครีเอเตอร์อยู่

เลื่อนลงมาด้านล่างก็จะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น สามารถดูได้ด้วยว่าวิดิโอที่เขาถ่ายมีการยิงโฆษณารึเปล่า ซึ่งอันนี้เป็นฟังก์ชันใหม่ของ kalodata นะคะ ในอนาคตก็จะมีการพัฒนาฟังก์ชันอื่นๆเพิ่มขึ้นอีก เพราะเราอยากให้ผู้ใช้งานได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการและอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ

ซึ่งหลังจากที่คุณทำการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลตามที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ก็ให้นำข้อมูลที่ได้เหล่านี้มาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับราคา การตลาดและโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับสินค้าที่คุณจะขาย คุณสามารถเรียนรู้จากคู่แข่ง หลังจากนั้นพัฒนาสินค้าของคุณให้มีคุณค่าและความแตกต่างจากเขา อาจเป็นการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น หรือคุณอาจจะมีวิธีขายสินค้าในรูปแบบที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นคุณค่าเพิ่มให้กับสินค้าของคุณ

ต่อมาเป็นในส่วนของการติดตามและประเมินผล หลังจากที่คุณเริ่มทำการขายสินค้าโดยใช้แผนการตลาดที่คุณได้รวบรวมข้อมูลมา ก็อย่าลืมติดตามผล ดูว่าฟีดแบคจากลูกค้าเป็นยังไง ช่วงนี้ออเดอร์เยอะไหม ซึ่งการเรียนรู้และการทำกลยุทธ์ทางการตลาดพวกนี้จะไม่มีทางหยุดนิ่ง สินค้าที่เป็นกระแสมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นคุณต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและตามกระแสให้ทัน เพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดของคุณให้เหมาะสมกับในช่วงเวลานั้นๆ

Similar Posts